พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งเลออนและกัสติยา
พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 | |
---|---|
จุลจิตรกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งเลออนใน ตุมโบ เอ, อาสนวิหารซันเตียโกเดกอมโปสเตลา | |
จักรพรรดิแห่งเอสปัญญาทั้งผอง | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1126 – 1157 |
ราชาภิเษก | ค.ศ. 1135 ในอาสนวิหารเลออน |
รัชกาลก่อนหน้า | สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาที่ 1 แห่งเลออน |
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าซันโชที่ 3 แห่งกัสติยา (กัสติยา) พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งเลออน (เลออน) |
ประสูติ | 1 มีนาคม ค.ศ. 1105 กัสดัสเดเรส |
สิ้นพระชนม์ | 21 สิงหาคม ค.ศ. 1157 (52 พรรษา) |
ฝังพระศพ | อาสนวิหารโตเลโด |
พระมเหสี | เบเรงเกลาแห่งบาร์เซโลนา ริเชซาแห่งโปแลนด์ |
พระบุตร | พระเจ้าซันโชที่ 3 แห่งกัสติยา พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งเลออน กอนส์ตันซาแห่งกัสติยา ซันชาแห่งกัสติยา สมเด็จพระราชินีแห่งนาวาร์ ซันชาแห่งกัสติยา สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอน อูร์รากาแห่งกัสติยา สมเด็จพระราชินีแห่งนาวาร์ (นอกสมรส) เอสเตฟาเนีย อัลฟอนโซแห่งกัสติยา (นอกสมรส) |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์บูร์กอญของกัสติยา |
พระบิดา | แรมงแห่งบูร์กอญ |
พระมารดา | สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาที่ 1 แห่งเลออน |
พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 (สเปน: Alfonso VII; เลออน: Alfonsu VII) หรือ พระเจ้าอัลฟอนโซผู้เป็นจักรพรรดิ (สเปน: Alfonso el Emperador; เลออน: Alfonsu l'Emperador) เสด็จพระราชสมภพ 1 มีนาคม ค.ศ. 1105[1] สิ้นพระชนม์ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1157 ที่เฟรสเนดา ราชอาณาจักรกัสติยา เป็นกษัตริย์เลออนและกัสติยาที่ครองราชย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1126 ถึงปี ค.ศ. 1157 พระองค์เป็นพระโอรสของพระราชินีอูร์รากากับแรมงแห่งบูร์กอญ[1] และเป็นพระนัดดาของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ทรงอ้างตนเป็นจักรพรรดิ แม้ว่าในรัชสมัยของพระองค์สเปนในสมัยกลางจะเข้าใกล้การเป็นจักรวรรดิมากที่สุด และแม้ว่าพระองค์จะเอาชนะชาวมัวร์ได้ แต่พระองค์ยังคงถูกมองว่าเป็นบุคคลที่ไม่ค่อยมีบทบาทตัวตน
ชีวิตในวัยเยาว์ของพระองค์ค่อนข้างวุ่นวายด้วยการต่อสู้ระหว่างพระมารดา พระราชินีอูร์รากา กับพระสวามีคนที่สอง พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 แห่งอารากอน ที่แย่งชิงกันปกครองกัสติยาและเลออน จนเมื่ออูร์รากาสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1216 พระบิดาเลี้ยงของพระองค์วางมือจากการอ้างสิทธิ์ อัลฟอนโซจึงได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากกษัตริย์แห่งอารากอน, กษัตริย์แห่งปัมโปลนา (นาวาร์), เคานต์แห่งบาร์เซโลนา และผู้ปกครองสเปน-มัวร์คนอื่น ๆ ว่าเป็นจักรพรรดิ พระองค์มีชื่อเสียงจากการยึดอัลเมริอามาจากชาวมัวร์ในปี ค.ศ. 1147 รวมถึงชัยชนะครั้งอื่นๆ แต่ก็ขยายอาณาเขตออกไปได้ไม่มาก ทรงเสียอัลเมริอาไปในปี ค.ศ. 1157 และรักษากอร์โดบาไว้ในมือได้เพียง 3 ปี ในปี ค.ศ. 1146 การรุกรานครั้งใหม่ของกลุ่มอัลโมฮัดจากแอฟริกาเหนือเริ่มต้นขึ้น ครั้งนี้อัลฟอนโซหันไปผูกมิตรกับกลุ่มอัลโมราวิดและอุทิศชีวิตที่เหลือให้กับการทำสงครามเพื่อสกัดกั้นการขยายอาณาเขตไปทางใต้ของสเปนของกลุ่มอัลโมฮัด
แม้จะอยู่ในช่วงที่ใกล้จะเป็นจักรวรรดิ แต่ความคิดที่จะแยกตัวออกจากกันยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในคาบสมุทรไอบีเรีย พระเจ้าอัลฟอนโซไม่สามารถหยุดยั้งโปรตุเกสจากการสถาปนาตนเป็นราชอาณาจักรอิสระ ในพินัยกรรมพระองค์ได้ทำตามตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวสเปน แบ่งอาณาจักรให้กับพระโอรสทั้งสอง คือ พระเจ้าซันโชที่ 3 แห่งกัสติยาและพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งเลออน ซึ่งสุดท้ายแล้วการกระทำนี้ก็ได้ทำลายการเป็นจักรวรรดิของสเปนในสมัยกลาง
สืบทอดสามอาณาจักร
[แก้]ในปี ค.ศ. 1111 ดิเอโก เฆลมิเรซ บิชอปแห่งกอมโปสเตลาและเคานต์แห่งตราบาได้รับการสวมมงกุฎและทำพิธี[2] เป็นพระเจ้าอัลฟอนโซแห่งกาลิเซียในอาสนวิหารซานเตียโกเดกอมโปสเตลา[3] พระองค์เป็นบุตรคนเดียว พระมารดาของพระองค์ได้สืบทอดต่อบัลลังก์เลออน-กัสติยา-กาลิเซียที่เป็นหนึ่งเดียวกันและต้องการการันตีตำแหน่งให้พระโอรสจึงเตรียมความพร้อมเพื่อให้พระโอรสได้สืบทอดตำแหน่งต่อ ในปี ค.ศ. 1125 พระองค์ได้สืบทอดราชอาณาจักรโตเลโดที่เคยเป็นของชาวมุสลิม ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1126 หลังการสิ้นพระชนม์ของพระมารดา พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎในเลออน[1] และเริ่มการกอบกู้ราชอาณาจักรกัสติยาที่ตอนนั้นตกอยู่ภายใต้อำนาจของอัลฟอนโซเจ้าสมรภูมิกลับคืนมาทันที ตามสนธิสัญญาสันติภาพแตมาราในปี ค.ศ. 1127 เจ้าสมรภูมิให้การยอมรับว่าพระองค์คือพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งกัสติยา ทว่าอาณาเขตที่อยู่ไกลออกไปทางตะวันออกของดินแดนของพระองค์มีอิสรภาพมากขึ้นในช่วงที่พระมารดาของพระองค์ปกครองและมีการก่อกบฏเกิดขึ้นหลายครั้ง หลังได้รับการยอมรับในกัสติยา อัลฟอนโซต่อสู้เพื่อจำกัดอำนาจของบารอนท้องถิ่น
เมื่ออัลฟอนโซเจ้าสมรภูมิ กษัตริย์แห่งนาวาร์และอารากอน สิ้นพระชนม์โดยไร้ทายาทในปี ค.ศ. 1134 พระองค์ทำพินัยกรรมให้อาณาจักรกลายเป็นภาคีทางทหาร ชนชั้นสูงของราชอาณาจักรทั้งสองไม่ยอมรับความคิดนี้ การ์ซิอา รามิเรซ เคานต์แห่งมอนซอนได้รับเลือกเป็นกษัตริย์แห่งนาวาร์ ขณะที่อัลฟอนโซอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์อารากอน แต่ขุนนางกลับเลือกผู้ท้าชิงอีกคน คือ รามิโรที่ 2 ซึ่งเป็นพระอนุชาของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ อัลฟอนโซตอบโต้ด้วยการกลับมาอ้างสิทธิ์ในลาริโอฆา และ "พยายามผนวกดินแดนบริเวณซาราโกซาและตาราโซนา"[4]
ในการปะทะกันจำนวนหลายครั้ง พระองค์ปราบกองทัพร่วมนาวาร์-อารากอนได้และยึดเอาราชอาณาจักรมาเป็นที่ดินบริวาร พระองค์ได้รับการสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นจากเจ้าของที่ดินทางตอนเหนือของเทือกเขาพิรินีที่ครอบครองดินแดนไปจนถึงแม่น้ำโรน ทว่าสุดท้ายกองกำลังผสมของนาวาร์และอารากอนก็มีอำลังมากเกินกว่าที่พระองค์จะควบคุมได้ พระองค์จึงหันไปช่วยราโมน บารังเกที่ 3 เคานต์แห่งบาร์เซโลนาทำสงครามกับอาณาจักรเคานต์กาตาลาอื่น ๆ เพื่อรวมอดีตมาร์กาอิสปานิกาเป็นหนึ่งเดียว
ปกครองเป็นจักรพรรดิ
[แก้]วันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1135 พระเจ้าอัลฟอนโซได้รับการสวมมงกุฎเป็น "จักรพรรดิแห่งสเปน" ในอาสนวิหารเลออน[4] พระองค์อาจหวังที่จะแสดงสิทธิ์ในอำนาจเหนือคาบสมุทรทั้งหมดและเป็นผู้นำอย่างสมบูรณ์ในการทำเรกองกิสตา พระองค์พยายามจะทำให้สเปนเป็นชาติที่เป็นหนึ่งเดียวหลังจากที่แตกออกจากกันหลังการล่มสลายของราชอาณาจักรวิซิกอธ ความอ่อนแอของอารากอนทำให้พระองค์มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคนอื่น หลังอาฟงซู เอ็งรีกึชยอมรับพระองค์เป็นเจ้านายในปี ค.ศ. 1137 พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 พ่ายแพ้สมรภูมิบัลเดเบซในปี ค.ศ. 1141 ทำให้เอกราชของโปรตุเกสได้รับการรับรองในสนธิสัญญาซาโมรา (ค.ศ. 1143)[5] ในปี ค.ศ. 1143 พระองค์ยอมรับสภาพและยอมรับการแต่งงานของเปโตรนียาแห่งอารากอนกับราโมน บารังเกที่ 4 เคานต์แห่งบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นการแต่งงานที่รวมอารากอนกับกาตาลุญญาเข้าด้วยเป็นราชบัลลังก์อารากอน
ครอบครัว
[แก้]ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1128 พระองค์อภิเษกสมรสกับเบเรงเกลา[6] บุตรสาวของราโมน บารังเกที่ 3 เคานต์แห่งบาร์เซโลนา เบเรงเกลาสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1149 ทั้งคู่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน คือ
- รามอง สิ้นพระชนม์ในวัยเด็ก[7]
- พระเจ้าซันโชที่ 3 แห่งกัสติยา (ค.ศ. 1134–1158)
- พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งเลออน (ค.ศ. 1137–1188)
- กอนส์ตันซา (ค.ศ. 1138–1160) อภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส
- ซันชา (ค.ศ. 1139–1179) อภิเษกสมรสกับพระเจ้าซันโชที่ 6 แห่งนาวาร์[8]
- การ์เซีย (ค.ศ. 1142–1145/6)
- อัลฟอนโซ (ค.ศ. 1144/1148 – 1149)
ในปี ค.ศ. 1152 อัลฟอนโซอภิเษกสมรสกับรึกซาแห่งโปแลนด์ บุตรสาวของวาดึสวัฟที่ 2 ผู้ถูกขับไล่ออกจากประเทศ[9] ทั้งคู่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน คือ
- เฟร์นันโด (ค.ศ. 1153–1157)
- ซันชา (ค.ศ. 1155–1208) พระมเหสีของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 2 แห่งอารากอน
พระเจ้าอัลฟอนโซยังมีภรรยาลับอีกสองคนซึ่งพระองค์มีบุตรกับทั้งคู่ บุตรสาวนอกสมรสของพระองค์กับธิดาขุนนางชาวอัสตูเรียสชื่อกอนโตรโด เปเรซ คืออูร์รากา (ค.ศ. 1132–1664) ที่ต่อมาแต่งงานกับพระเจ้าการ์ซิอา รามิเรซ แห่งนาวาร์ กอนโตรโด เปเรซ เกษียณตัวเข้าคอนแวนต์ในปี ค.ศ. 1133[10] ในปลายรัชสมัย ทรงมีสัมพันธ์ชู้สาวกับอูร์รากา เฟร์นันเดซ ภรรยาม่ายของเคานต์โรดริโก มาร์ติเนซ จนมีบุตรสาวด้วยกันคือเอสเตฟานิอาผู้โชคร้าย (ค.ศ. 1148–1180) ที่ถูกเฟร์นัน รุยซ์ เด กัสโตร สามีขี้หึง สังหาร
อ้างอิง
[แก้]- Alfonso VII KING OF LEON AND CASTILE: The Editors of Encyclopaedia Britannica